“ผ่านตลอด”

สวัสดีเดือนแรกแห่งปีพ.ศ. 2560 การเปลี่ยนศักราชแต่ละครั้งเริ่มทำให้เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า การเปลี่ยนข้ามวันธรรมดาๆหนึ่งวันมันอาจเป็นความหวังอีกหนึ่งครั้งในรอบปี…..จนบางที….เรามักลืมไปว่าแสงสว่าง เกิดขึ้นในตอนเช้าของทุกๆวัน และบางที เราอาจลืมไปอีกว่า เหตุการณ์มันผ่านไปของมันอยู่แล้วในทุกๆลมหายใจ และเรากำลังเริ่มต้นใหม่ในทุกๆลมหายใจเช่นกัน 3 อาทิตย์ที่ผ่านไปในเดือนมกราคมย้ำเตือนเราเสมอ ให้อยู่ท่ามกลางสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นภายในตัวเรา นอกตัวเรา และ สิ่งที่นอกเหนือการควบคุม…หลายต่อหลายครั้ง ที่คำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ จากคนรอบตัว (แม้จะไม่เกี่ยวกับเรา) ลอยเข้ามมาติดอยู่ในห้วงภาวะแห่งความคิด จนกลายเป็นเสียงที่กึกก้องอยู่ในหัวทั้งตอนกลางวันและกลางคืน  แม้ว่ามันเป็นภาวะที่ไม่ส่ออาการใดๆทางกายภาพ แต่มันส่งผลบั่นทอนโดยตรงต่อจิตใจ และลามไปยังการกระทำต่างๆ มันทำให้เราสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไปอย่างไม่รู้ตัว เรากลายเป็นคนฟังแต่เสียงคนอื่นตลอดเวลาจนลืมที่จะฟังเสียงตัวเอง ความยาก คือ…เสียงเหล่านี้มันอยู่ข้างในเราและไปกับเราทุกที่ทุกเวลา วิธีหนึ่งที่ได้ผลสำหรับเราหากเราเผลอไปเอาคำพูดคนอื่นเข้ามากังวล คือ การอยู่ท่ามกลางความคิดเหล่านั้นโดยปล่อยให้มันหมุนไปของมัน โดยไม่ต้องไปคล้อยตามหรือปฏิเสธอะไรกับมัน และปล่อยให้มันผ่านไปโดยตลอด ซึ่งอันที่จริงมันคืออดีตที่ผ่านไปแล้ว แต่เรายังยึดกับอดีตเหล่านั้นไปเอง…. เมื่อเราปล่อยให้มันผ่านไปได้แล้ว เราจะค่อยๆถอยกลับมาสัมผัสกับสภาวะดั้งเดิมของร่างกายและจิตใจอย่างฉับพลัน และทำให้เห็นว่า สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เราปรุงแต่งขึ้นมาเองล้วนๆ ทำให้ช่วยคลายความกังวลทิ้งไปอย่างง่ายดาย วิธีนี้เป็นการรักษาตัวเองโดยใช้ธรรมชาติแท้ๆของตัวเราเป็นตัวเชื่อมโยง ซึ่งให้ผลคล้ายกับการได้นอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หรือที่ปลอดภัยโดยไม่ต้องกลัวหรือกังวลใดๆ นอกจากจะช่วยให้เราคลายกังวล สบายใจ และสบายตัวแล้ว  อาการนอนไม่หลับก็จะหายไปด้วยเช่นกัน…. สุดท้ายแล้ว ด้วยธรรมชาติของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ทำให้มีความเปราะบางต่างกัน..ความเปราะบางเหล่านี้จะหายไปเมื่อเราสละความเห็นแก่ตัวเองและอัตตาอย่างแท้จริง…สำหรับเรา สถานการณ์อย่างนี้มักจะมาย้ำเตือนทุกครั้งที่เราเผลอให้ค่ากับตัวตนเราเยอะเกินไป โอลีฟและเดอะทูต Olive & The 2th    

เดือนสุดท้าย | 2016

วันสุดท้ายของปี 2016 มาเยือนอย่างรวดเร็วสมกับคำเล่าลือที่ว่า ยิ่งอายุมากขึ้น เวลายิ่งผ่านไปเร็วขี้น ปีนี้เป็นปีที่ผ่านไปพร้อมๆกับการเรียนรู้ที่สำคัญหลายอย่าง และถึงแม้ว่าเราจะเข้าใจมันมากสักเท่าไร มันก็ยังวนเวียนกลับมาสอนมาทดสอบอยู่หลายครา และเราก็ขอลิสต์ลงมาเพื่อเตือนใจตัวเองอีก(หลายๆ)ครั้งในยามที่มันกลับมาเยือน ในรอบหน้าและเผื่อว่าอาจจะเป็นประโยชน์ต่อใครหลายๆคนค่ะ การห่วงความเป็นความอยู่ : มันเกิดขึ้นง่ายและรวดเร็วมาก ความกังวลในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร จะอยู่อย่างไร ถ้าเลือกสิ่งนี้แล้วจะทำให้ชีวิตเป็นอย่างไร? และอีกจิปาถะ ยิ่งหากมาพร้อมกับคนรอบข้างที่แสดง ความกังวลและเป็นห่วงออกมา ยิ่งที่ให้ทรุดหนัก กลายเป็นเครียดกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึงเลยทีเดียว….อาการ: ตอนแรกๆจะยังคงจมกับความคิด เป็นกังวล และเครียด เราจะพยายามแก้ไขปัญหาแต่กลายเป็นการ พายเรือในอ่างที่ไม่จบสิ้น แก้ตรงนี้ ตรงนั้นเกิดปัญหา และไม่มีทางจะจบได้ เวลาคิดหนักๆเข้า กลายเป็นซึมเศร้าและอาจมองว่าตัวเองไม่มีคุณค่าได้ง่ายๆ วิธีรับมือ A:  “ยอมรับความจริง” การยอมรับว่าอะไรคือ สิ่งที่ทำให้เกิดความกังวล และ ยอมรับว่าเรากำลังฟุ้งซ่านอยู่ จะทำให้เรามองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและความเป็นจริงมากขึ้น แค่ยอมรับเฉยๆ ไม่ต้องไปหาวิธีแก้ใดๆทั้งสิ้น เพราะเดี๋ยวจะวนกันอีกหลายรอบ วิธีรับมือ B: “จริงจังกับชีวิตให้น้อยลง” หัวใจสำคัญของอาการนี้คือ การจริงจังกับชีวิตมากเกินไป เพราะฉะนั้น ถอยออกมามองก่อน โดยลดความจริงจังลง คล้ายๆกับว่าการอยู่ก็เหมือนกับการมาเที่ยวบนโลกใบนี้ สุดท้ายก็ต้องจากโลกนี้ไปอยู่ดี และไม่ว่าจะจนหรือจะรวย คนเรากินได้เพียงอิ่มเดียว นอนหลับก็เพียงตื่นเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้น กังวลไปก็เท่านั้น…

พฤศจิกายน 2559 | เดือนแห่งการอ่าน

สวัสดีวันใกล้จะสิ้นเดือน พฤศจิกายน 2559 เดือนนี้เป็นเดือนแห่งการอ่านของเรา ทั้งๆที่เราห่างการอ่านอย่างจริงจังไปซะหลายเดือนเนื่องจากยังไม่เจอหนังสือที่เข้ามือ แต่เดือนนี้กลับเจอประมาณ 2-3 เล่ม ทีเดียว และแน่นอนเราเก็บไว้อ่านก่อนนอนเสียส่วนใหญ่เพราะต้องคอยทำงานให้เสร็จในช่วงกลางวัน การอ่านรอบนี้แม้จะมีความคล้ายคลึงกับที่ผ่านๆมา แต่เรากลับเจอความละเอียดลุ่มลึกที่สมัยก่อนเราไม่อาจจะสัมผัสได้ อาจจะเป็นเพราะวุฒิภาวะที่ได้เติบโตขึ้นมาอย่างใกล้เคียง (หรืออาจจะเทียบเคียงไม่ได้) กับผู้เขียน หรือ เป็นความเข้าถึงใจจากภาษาที่ผู้เขียนหรือผู้แปลมีความสามารถอย่างสูงก็เป็นได้ สิ่งที่เราเห็นความเหมือนกันของหนังสือต่างสัญชาติ จากฝั่งตะวันออก และ ฝั่งตะวันตก คือสัจธรรมความจริง อันเป็นเนื้อความเดียวกัน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งก็ไม่พ้น กลับสู่ธรรมชาติ และ ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์? อันที่จริง ณ ขณะนี้ เรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ ซึ่งเป็นยุคที่มนุษย์มีความเป็นมนุษย์เพิ่มขึ้น ยกระดับจิตใจได้สูงขึ้น (อันที่จริง ไม่มีสูงต่ำ แต่มันคือกลับสู่ความดั้งเดิมของธรรมชาติ) และ เห็นแก่ตัวเองน้อยลง สิ่งที่เราเห็นได้ชัด คือ ผู้คนรอบกายเรา เริ่มตระหนักถึงสัจธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ แม้เราจะได้ยินมาจากคำพูดหรือเจตนารมณ์ของพวกเขาก็ตาม ภาวะความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เป็นสิ่งที่แต่ละคนมีอยู่แล้วในตัว แต่เราอาจยังไม่โดนสะกิดให้ถอยออกมามองก็เท่านั้น ตั้งแต่เกิดจนโต เราก็ถูกหล่อหลอมให้มุ่งไปข้างหน้า คิดถึงแต่อนาคต ห่วงการเป็นการอยู่ และหลายๆครั้งก็คนึงหาอดีตที่ผ่านไปแล้ว หากจะกลับมาเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐแล้ว….ไม่เพียงแต่ต้องสละความเห็นแก่ตัวเองออกเท่านั้น ยังต้องสละการยึดติดแห่งจิตใจที่แนบแน่นกับลมหายใจเราอีกด้วย …ทั้งนี้…

ปรับเปลี่ยน

เดือนตุลาคมกลายเป็นเดือนแห่งความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ในเมืองไทยอีกครั้ง เราก็ยังคงเป็นเหมือนคนอื่นๆ ที่อยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุดกับการจากไปของพระเจ้าแผ่นดินองค์นี้ ท่านเป็นพระราชา พระโพธิสัตว์ และเป็น พ่อ เป็น ปู่ในเวลาเดียวกัน ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา บารมี และมีพระกรุณาธิคุณอันล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ หลังจากที่เราหายจากอาการเศร้าโศกบ้างแล้ว เราก็กลับมาทบทวน ปรับปรุง เนื้อหาในเวบอีกครั้ง เพื่อให้เป็นประโยชน์ของผู้อ่านอย่างไม่มีสิ่งใดเจือปน เราได้ลบบางโพสต์ออก แม้มันจะเป็นเพียงโพสต์เดียวในเดือนนั้นๆก็ตาม เพราะมันอาจจะไปสร้างความหลงต่างๆให้ผู้อื่นคล้อยตามไปอย่างไม่ตั้งใจ นับเป็นความโชคดีที่เราได้มีโอกาสสัมผัสกับความธรรมชาติของจิตดั้งเดิม(ที่จริงๆแล้วก็อุปโลกน์ขึ้นมา) ได้เคยตื่นขึ้นจากความฝันอันขมุกขมัว และแจ้งประจักษ์ความจริงแห่งสุญญตา แต่ทั้งนี้ ความผิดเพี้ยนไปจากสิ่งดั้งเดิมมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่เรากลั่นกรองท่ามกลางโลกแห่งความวุ่นวาย ซึ่งเรายังคงมีสิ่งที่หลงยึดติดอยู่มานานอันเป็นผลมาจากปัจจัยเหตุเก่าผสมกับปัจจัยใหม่เจือปนเข้ามาด้วยกัน เราจึงต้องขออภัยและขออโหสิกรรมจากผู้อ่านมา ณ ที่นี้ ในการสร้างบล๊อคนี้ขึ้นมา เราเพียงแต่จะสื่อข้อความให้ตรงกับสัจธรรมความจริง เพื่อให้ผู้อ่านได้นำมาใช้ท่ามกลางความเป็นอยู่ปกติ (เพราะเราก็เป็นหนึ่งในนั้น) เรามองว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เกินเอื้อมหรือเข้าใจยาก แต่มันมีอยู่แล้วในทุกๆคนตั้งแต่เราเกิดมา ซึ่งอาจจะเห็นได้ชัดในเด็กทารก เพียงแต่เราอาจหลงลืมมันไปเนื่องจากค่านิยม สังคม ได้สร้างโลกแห่งสมมติต่างๆและสอนเราให้อยู่ในโลกสมมตินั้นๆให้จงได้ ทั้งนี้ เราจักกลั่นกรองให้ดีกว่าก่อน เพื่อที่จะให้แน่ใจว่า มันจะไม่ชวนให้ผู้คนหลงใหลในสิ่งต่างๆ แต่จักชวนให้ปล่อยและสละในสิ่งที่เคยยึดติดออกไป โดยไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่าการทิ้งเกราะหนาๆ ตัวตน ทิ้งทิฏฐิ ทิ้งโลภะ ทิ้งโมหะ ทิ้งโกรธะ ทิ้งอารมณ์ ทิ้งจิต ทิ้งใจ ทิ้งกาย โดยดำเนินไปพร้อมๆกับการดำรงชีพ ประกอบกิจการงาน เลี้ยงดูลูกหลาน และอยู่ในโลกสมมติโดยไร้ทุกข์ไร้กังวลและความเดือดร้อนใดๆในการเป็นการอยู่ หวังว่า เราคงมีอธิวาสนาเพียงพอที่จะสื่อสัจธรรมออกไปได้อย่างเที่ยงตรงและเรียบง่ายต่อท่านทั้งหลาย ข้อความในต่อๆไปจึงอาจเป็นไปได้ในเรื่องความดุดัน…

อตัมมยตา | ไม่อาศัยมันอีกต่อไป

เดือนกันยายน 2559 อะไรที่ทำให้เรามีความสุข? คำถามที่เราเคยถามตัวเองในสมัยก่อน และแว๊บขึ้นมาในสมัยนี้บ้างตามประสา ครั้งนี้ เราเลยลองมองย้อนกลับไปดู เลยได้พบว่า ประสบการณ์และอายุช่างมีผลเสียนี่กระไร! หากตอบด้วยวัยที่เราอยู่มัธยมปลาย ความสุขก็คงเป็น การได้ปิดเทอมและมีเวลาอยู่บ้าน ไม่ต้องเรียนพิเศษ ไม่ต้องสอบ และแน่นอน  มีเพื่อนเยอะๆ และได้ไปเที่ยว! หากตอบด้วยวัยที่อยู่มหาวิทยาลัย คือ การได้ทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะ ถ่ายรูป ร้องเพลง เล่นดนตรี วาดรูป ไปเที่ยว อ่านหนังสือ ฯลฯ ตามพลังที่พวยพุ่งของเราในสมัยนั้นๆ หากตอบด้วยวัยช่วงอายุ 23-26 เป็นความฝันแบบจัดเต็ม ความสุขตอนนั้นคือการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก อ่านหนังสือ ได้มีเวลาเป็นของตัวเอง ใช้ชีวิต มีงาน สนุกๆให้ทำ มีเงินไปชอปปิ้ง ไปเที่ยวเล่น  มีความฝันที่จะมีบ้านสวยๆบรรยากาศดีๆ และในตอนนั้นที่สำคัญคือ จบโทไวๆ และได้เป็น citizen ที่ออสเตรเลีย เขยิบมาใกล้อีกเล็กน้อย เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ขณะที่เรามี อายุ 27 ปี และนับเป็นปีที่เรียกได้ว่าเป็นจุดหักเหของชีวิต ทั้งเรื่องความสับสนซึ่งมาพร้อมๆกับการค้นพบและเปลี่ยนแปลงตนเอง…

Suffering | The Master Teacher of all time!

สวัสดีอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2559 ค่ะ พูดคุยจากผู้เขียน อย่างแรกที่อยากจะบอก คือ ขอต้อนรับผู้ที่เข้ามาใหม่ทั้งที่หลงมาเยือนหรือถูกเชื้อเชิญเข้ามาในบ้านหลังนี้ค่ะ หากผู้ที่ได้เข้ามาประจำ อาจจะเห็นว่าเราลบอะไรหลายอย่างทิ้งไป เช่น บทสัมภาษณ์ผู้คน หรือ Review สถานที่ต่างๆ รวมทั้ง ผลงานต่างๆที่เราได้เคยทำมา โดยเราตั้งใจจะแยกสิ่งที่เป็น Portfolio ออกไปไว้อีกที่หนึ่งแทน เพื่อที่เนื้อหาจะได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันค่ะ ส่วนเราจะเพิ่มอะไรเข้ามา หรือทำการเปลี่ยนแปลงอะไรในที่นี้ต่อนั้น ขึ้นอยู่กับวาระที่อำนวยค่ะ สำหรับผู้ที่เข้ามาใหม่ เราจะโพสเนื้อหาเดือนละ 1 ครั้งค่ะ เพราะในแต่ละเดือนมีเหตุการณ์เข้ามาไม่ซ้ำกันและเหตุการณ์แต่ละอย่าง ทำให้เราขบคิด ทบทวนและตกตะกอนได้ต่างกัน..แต่บางครั้งก็ตันบ้าง เขียนไม่ออกบ้างตามประสานัก”อยาก”เขียนค่ะ ขอขอบคุณทุกๆความสนใจในเนื้อหาที่ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าถึงใจและใส่ใจกับมัน และขอให้ผู้อ่านได้ “คลาย” กังวลหลังจากการอ่านกันไม่มากก็น้อยนะคะ ———- เรารู้สึกยินดีกับการเขียนและโพสท์ลงไปในเดือนนี้ได้ ดูเหมือนว่า วันเวลาจะยาวเป็นพิเศษสำหรับเรา อาจเพราะได้เจอะเจอผู้คนที่แบ่งปันประสบการณ์ต่างๆให้เราได้ยิน ได้ฟังกันจนเหมือนเราได้ไปท่องเที่ยวกับโลกหลายๆใบ ต่างสีสัน ต่างรูปแบบกัน เราอยากจะสื่อถึงมิตรสหายรวมทั้งเก็บไว้เตือนตัวเราเองเกี่ยวกับความทุกข์ที่เราต้องได้เจอค่ะ ความทุกข์คือที่สุดแห่งครู เมื่อต้นเดือน เราได้ดู ซีรีส์ญี่ปุ่นเกี่ยวกับจิตแพทย์คนหนึ่งที่ทำการรักษาคนไข้โดยพยายามค้นหาสาเหตุต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของแต่ละคน และมองว่า อาการต่างๆที่เกิดขึ้นสามารถรักษาได้โดยไม่ต้องใช้ยา มีเคสหนึ่งที่เราชอบเป็นพิเศษค่ะ รายละเอียดอาจจะไม่ตรงทั้งหมด มีเพี้ยนไปบ้าง ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะคะ คนไข้รายนี้มีอาการชัก เกร็ง และเป็นลมหมดสติ ก่อนที่จะเข้ามาที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นคนไม่พูดคุยกับใคร เหม่อลอย…

One neutral day

สวัสดีเดือนเมษายนที่กำลังจะเข้าสู่เดือนพฤษภาคม 2559 ทางผู้เขียนต้องขออภัยผู้อ่าน ที่ห่างหายไปเกือบสองเดือน อันเนื่องมาจากการจมลงไปกับสิ่งที่สัมผัสในชีวิตประจำวัน และทำให้จิตใจไม่ปลอดโปร่งพอที่จะเขียนสิ่งที่มีประโยชน์ต่อผู้อ่าน นอกจากเดือนที่แล้วที่ผ่านไปอย่างเงียบเฉยแล้ว เดือนนี้กลับเป็นอีกเดือนหนึ่งที่เราไม่สามารถเขียนอะไรลงมาได้ กลายเป็นต้องหยิบข้อความที่ถูกเขียนขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ มารีไซเคิลในที่นี้ และเป็นหนึ่งในหลายๆครั้งที่เรากำลังมองถึงการเปลี่ยนแปลงในที่แห่งนี้ โดยที่เราก็หวังว่าเราจะพบคำตอบมันในไม่ช้า…ขอบคุณผู้อ่านที่ได้(หลง/แวะ)เข้ามาค่ะ One Neutral Day ความว่างเปล่า …..เมื่อได้สัมผัสกับความว่างเปล่าทำให้รู้ว่า ไม่สุขไม่ทุกข์มันเป็นยังไง เหนือสุขเหนือทุกข์มันเป็นอย่างไร …..เมื่อได้สัมผัสกับการไม่ให้ค่าในสิ่งต่างๆ ทำให้รู้ว่า ทุกวันนี้ เราถูกล้างสมองเรื่อง “ค่า” โดยเริ่มจากการให้ความหมาย เช่น ถ้าคิดถึงเรื่องความหรูหรา คุณจะคิดถึง……. ถ้าคิดถึงความสงบ คุณจะคิดถึง……… และเมื่อการให้ค่าหมดไป ความหมายแม้จะยังคงเหลืออยู่ตามที่ได้เติบโตมาก็จะเริ่มไร้ความหมายลงไปเรื่อยๆ และจะไม่เป็นทาสกับสิ่งต่างๆที่คนกำหนดขึ้นมาเอง ไม่เป็นทาสอารมณ์ ตัณหา กิเลส ต่างๆ ……เมื่อสัมผัสกับอาการป่วยไข้ ที่ไม่ได้สัมผัสมาเป็นปี…เหมือนได้กลับสู่พื้นดินอีกครั้ง พื้นดินที่บ่งบอกว่า เราเพียงขออยู่อาศัยร่างกายนี้เท่านั้น….และขันธ์นี้ก็เสื่อมสลายไปด้วยตัวมันเอง เราไป control อะไรมันไม่ได้ ……เมื่อสัมผัสกับความถ่อมตนของธรรมชาติ….แม้ธรรมชาติจะยิ่งใหญ่สักเพียงใด แต่ไม่เคยโอ้อวดตนเอง ธรรมชาติรังสรรค์สิ่งต่างๆของมันเอง และไม่ได้สนใจว่าใครจะชอบหรือไม่ชอบ แต่เป็นการรังสรรค์เพื่อปรับสมดุลให้กับธรรมชาติเอง ความยิ่งใหญ่ของมันไม่สามารถวัดได้ และไม่มีมนุษย์ผู้ใดเทียบเท่าได้เช่นกัน …… เมื่อได้สัมผัสกับทรัพย์…เราได้เข้าใจว่าความกังวลที่เกิดจากทรัพย์นั้นเป็นทุกข์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นอาการหวงแหน หรือ จะเป็นอาการ’อยากได้’ ‘อยากซื้อ’…

Live to learn, Learn to live

How many times have we made mistakes?  No matter how huge the problem was, with or without purposes, the life still goes on. Indeed, the forgiveness and letting go abilities were born  within us. However, we might forget how to use them when the time comes. How many times that life has filled with joy? From your…

Life is a dream…

” We all have different amount of time in life… someone might live more than 36,500 days… but most are not. We are travelling in time and places… Live like the earth’s tourist that we’ll leave one day. Live without fears or worries… as things will then pass.. Live and learn to awake from the dream…

It’s nothing more but less (rest)!

Hi ya’ll, I need to admit that the October’s post is more difficult than I thought, I always get stuck when I have to write a specific topic especially in what I promised the reader. My thought went so complicated when the simplicity should take place. Well, well….. why not start now? According to the…

How to stay balance between work and your health? 

My work & body I’ve recently busy with the work, which I do really enjoy all the process and progress. In each day, I was excited to discover new things to learn, new people to meet, or even new content I need to work on. However, these new stuffs affect my health and body. ♣ Here…