Life is a dream…

” We all have different amount of time in life…
someone might live more than 36,500 days… but most are not.
We are travelling in time and places…
Live like the earth’s tourist that we’ll leave one day.
Live without fears or worries… as things will then pass..
Live and learn to awake from the dream of reality.”

ในช่วงเวลาค่ำคืนก่อนนอน ความคิดได้เข้ามาแว๊บนึงในการปิดบล๊อคแห่งนี้ ด้วยความที่เราอาจรู้สึกพอกับจุดตรงนี้ หรือ​อาจจะเป็นเพราะว่า เราเริ่มไม่มีอะไรที่จะเขียนลงมาแชร์เพื่อที่จะเป็นประโยชน์กับผู้อื่นก็เป็นได้…..​ความคิดวนเวียนเข้ามาทักทายก่อนที่เราจะหลับใหลและดำดิ่งลงไปในโลกแห่งความฝัน

เราเป็นคนหนึ่งที่ตั้งแต่เด็กจนโตจะจำความฝันได้ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา มีบางช่วงของชีวิตที่ได้ลองจดบันทึกและลองวิเคราะห์จากสิ่งที่เราฝันเพื่อนำมาปะติดปะต่อกับโลกความจริง นับว่าเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจพอสมควร แต่สุดท้ายเราก็เลือกที่จะหยุดทำมัน ส่วนจะด้วยเหตุผลอะไรนั้น เราเองก็จำไม่ได้เช่นกัน

แม้ว่าจะหยุดบันทึกความฝันไปแล้วพักใหญ่ๆ แต่เราก็ยังคงใช้ชีวิตในความฝันได้เสมือนจริง ในบางคืน เราก็ได้ไปเข้าค่ายอยู่ 3-4 วัน โดยที่ค่ายมักจะจบลงทุกๆครั้งก่อนที่เราจะตื่นขึ้นในวันใหม่ ส่วนสถานที่นั้น ก็มีซ้ำกันอยู่หลายที่ ซึ่งก็เป็นสถานที่เฉพาะในฝันเท่านั้น…​ในหลายครั้งที่เรามักจะเดินทางข้ามเขตแดนต่างๆด้วยรถไฟบ้าง รถบัสบ้าง หรือ แม้กระทั่งเครื่องบิน ส่วนรายละเอียดต่างๆไม่ต่างกับความเป็นจริงเท่าไรนัก ทั้งเรื่องการกิน การเข้าห้องน้ำ การคิดคำนวณ การแก้ปัญหา ไม่เว้นแม้กระทั่ง การเดินช๊อบปิ้งในห้างโปรดที่ได้แวะเวียนไปบ่อยๆ

หากจะมองกันในทางทฤษฎีส่วนตัวของเราแล้ว ใน 1 วัน มีเวลา อยู่ 24 ชั่วโมง โดยเรามักจะใช้เวลาการนอน 8 ชม. และเวลาตื่นอยู่ 16 ชม. เรียกได้ว่ามีเวลาตื่นเป็น 2 เท่าของ เวลานอน…​แต่กระนั้น การใช้ชีวิตในฝันมีความเร็วมากกว่าโลกที่เราตื่นขึ้น และถ้ามองแล้ว อาจจะกลายเป็นสัดส่วน 2:2 ก็เป็นได้ และเราก็เข้าใจเอาเองว่า เวลาที่เราใช้อยู่ในโลกแห่งความฝันมันพอๆกับโลกที่เราตื่นขึ้นมา จนในบางครั้งในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่น เราถามตัวเองว่านี่เป็นความจริงหรือความฝัน?

ไม่ว่าจะเป็นโลกแห่งความฝันหรือความเป็นจริง สิ่งที่เหมือนกันของสองโลกนี้คือ สุดท้ายมันก็ผ่านไป… หากเราหลับอยู่สุดท้ายเราก็ตื่นขึ้นมาในความเป็นจริง ….​หากเราตื่นอยู่ สุดท้ายเราก็ต้องหลับไปตามความต้องการของร่างกาย….​สิ่งที่เหมือนกันอีกอย่างคือ สภาวะจิตใจของเรา ไม่ว่าเราจะท่องเที่ยวไปที่ไหนยังไงด้วยร่างกายหรือไม่ก็ตาม จิตใจที่กังวล ก็จะยังกังวลแม้ในยามหลับและยามตื่น หรือ จิตใจที่โปร่งโล่งก็จะแสดงให้เห็นได้เช่นกัน

ในโลกแห่งความเป็นจริง คนส่วนใหญ่มีเวลาไม่เกิน 100 ปี หรือ 36,500 วัน ก่อนที่เราจะจากโลกนี้ไป นับได้ว่าต่างคนต่างมีเวลาการเยี่ยมเยียนโลกได้ต่างกัน บ้างสั้น บ้างยาว ซึ่งหากมองลึกลงไปแล้ว มันก็ไม่ต่างกับการมาทัวร์เท่านั้นเอง ซึ่งมันจะต่างอะไรกับความฝันยามค่ำคืน?

จงอย่างมัวแต่หลับใหล จริงจังกับการเป็นการอยู่มากเกินไป
จงกล้าที่จะสละในสิ่งที่เจ้าเคยยึดมาตลอด
จงกล้าที่จะปล่อยเหตุการณ์ต่างๆให้ดำเนินไปตามธรรมชาติ
ชีวิตเป็นเพียงความฝัน ที่เปิดโอกาสให้เราได้กลับมาตื่นอีกครั้ง…
จงกล้าในการปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากตัวเอง

Image: The Gentle War Exhibition by Peggy Wauter (2014) 
เดอะ ทูต

 

Advertisement

Share your thoughts with us!

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s