Hi, my readers 🙂
Today is such a beautiful Saturday with blue sky, sun shine, and windy.
My balcony was again set as the workplace
and I love to listen to the ringing sound of wind while I’m working on this topic.
สวัสดีผู้อ่านค่ะ
วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ที่สดใสและอากาศดีค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสีท้องฟ้าที่เข้มปรี๊ดตัดกับเมฆขาว
หรือจะเป็น แสงอาทิตย์ยามเช้ากับลมจางๆ
หลังจากที่เราเว้นระยะการเขียนมาสักพัก เจ้าระเบียงบ้านก็กลายเป็นที่ทำงานโปรดอีกครั้ง
และมันก็ทำหน้าที่ได้อย่างเยี่ยมยอดกับเสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งลมที่มาอยู่เป็นเพื่อน
I have actually finished the July’s Topic 2 months ago and got back to read it before decided to post.
I found that the content was not quite right which is not fair to throw it in here just for the sake of getting the topic done!
It’s been about 2 weeks that I attempted to edit it and I failed.
Not because I lack of my idea, but it was about my mind that was not empty enough.
Especially when it was filled up by many circumstances,
which toxicant the message that I aim to deliver.
จริงๆแล้วเราได้เขียนหัวข้อนี้เสร็จไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้วค่ะ
แต่เมื่อกลับมาอ่านข้อความอันเย็นชืดจืดสนิทแล้ว ก็รู้สึกว่ามันยังไม่ตรงใจสักเท่าไร
และถ้าจะให้เราทำๆให้มันเสร็จๆไปก็ดูเหมือนจะไม่ยุติธรรมกับผู้ที่ตั้งใจมาอ่านเอาซะเลย
นับนิ้วดูแล้วก็เป็นเวลากว่า 2 อาทิตย์ในความพยายาม(อย่างมาก)ที่จะแก้ไขข้อเขียนนี้ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ผลค่ะ
ต้นสายปลายเหตุจริงๆคือ ความพยายามนี่แหล่ะค่ะ..
เพราะมันไม่ได้ช่วยให้จิตใจปลอดโปร่ง แต่กลับกดดันทำให้จิตใจหนาทึบจนเขียนไม่ออก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานการณ์รอบตัวที่อาจส่งผลเสียต่อการเขียนและความคิดค่ะ
And here again, I am back with a fresh and delightful mind.
This is the perfect time to continue what I had told last month!!
หลังจากที่ปล่อยให้สมองและจิตใจได้พักและผ่อนคลาย มันก็กลับมามีความสดใสอีกครั้ง
ถึงเวลาที่เราจะมาสานต่อจากหัวข้อที่แล้วค่ะ
*********
A Decision making seems like a long process in what I wrote down but it actually occurs faster than we imagine..
The more frequent, the faster we’ve done with the same old pattern!
I have written down some questions for you to get back to your previous experiences, back in childhood, or your value setting.
Just because, it does give the high impact to your recent decision!
ช่วงที่เรามานั่งวิเคราะห์ดูกระบวนการตัดสินใจต่างๆ มันอาจดูเหมือนจะนานในห้วงความคิดเรา
ในขณะที่ความเป็นจริงนั้น การเลือกอาจจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นค่ะ
ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งานและความชินจนติดเป็นนิสัย
ครั้งที่แล้ว เราได้ถามเกี่ยวกับประสบการณ์ในวัยเด็กหรือการฝังใจอะไรสักอย่างที่คุณเคยมี
และการ “ให้ค่า” ในบางสิ่งบางอย่างเป็นพิเศษ
นั่นเป็นเพราะว่า มันจะเป็นตัวที่ส่งผลกระทบมากที่สุดในการตัดสินใจของคุณเอง!
This is all about the value setting that you have been programmed before.
The priority that you give could be anything; relationship, health, financial, dignity,…etc.
For someone might arrange them in the hierarchy way, a horizontal form (all important in the same level),
or by a circle (getting one thing at a time).
or someone gives the priority based on the “urgent” matter instead of how important.
Not missing the people who depend on their emotion just like fear, survival, ambition, passion, or even hatred…
and more…
การให้ความสำคัญนี้เราถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆเหมือนกับถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ค่ะ
ยิ่งถ้าเราให้ความสำคัญกับสิ่งใดก่อน…เราก็จะเทพลังใจพลังกายและทุ่มเวลาให้กับสิ่งนั้นเยอะเป็นพิเศษ
ในขณะที่สิ่งรองๆลงมา เราไม่ค่อยให้เวลาหรือคิดกับมันมากนัก
มันอาจจะเป็น ด้านความรัก สุขภาพ การเงิน การงาน ชื่อเสียง ครอบครัว….ฯลฯ
การเรียงลำดับความสำคัญนั้นแต่ละคนมักจะเรียงแตกต่างกันไปค่ะ
บางคนเรียงจากสำคัญที่สุด ไปจนถึงสำคัญน้อยที่สุดค่ะ
ในขณะที่บางคน อาจจะไม่ได้แบ่งแยกอย่างชัดเจนว่าอะไรมาก่อนหลังเพราะให้ความสำคัญเท่าๆกัน
บางคนอาจจะค่อยๆทำไปทีละด้านตามวัย
บางคนอาจจะเรียงตาม เวลาหรือสถานการณ์ที่อาจต้องแก้ปัญหาอย่างด่วนที่สุดก่อน
หรือ หลายๆคนที่ให้ความสำคัญกับอารมณ์ของตัวเองเป็นตัวผลักดันหลัก
(เช่น ความกลัว ความทะเยอทะยาน ความรัก ความเครียด ความกดดัน หรือแม้กระทั่ง ความอิจฉา)
และก็มีอีกหลายวิธี หลายความคิด ที่แตกต่างกันไป
In order to have a pure and genuine judgement of your choices.
You have at least 2 core assistances that are surprisingly found in yourselves.
ในการตัดสินใจนั้น ความเที่ยงตรงและซื่อสัตย์ต่อตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ
ในการที่จะได้ตัวเลือกที่ไม่เข้าข้างตัวเองนั้น คุณมี 2 ตัวช่วยซึ่งโชคดีมากๆที่มันเกิดมาพร้อมตัวคุณเองค่ะ
One is your gut or the deepest feeling toward situation just like your instinct..
It came up like the feeling of nagging, itchy and disturbing inside you.
อย่างแรก คือ สัญชาติญาณ หรือ ความรู้สึกนึกคิดที่มาจากจิตใต้สำนึกของเราเอง
มันอาจจมาในรูป ความขัดแย้ง ความกังวล ที่รบกวนการตัดสินใจของเราอยู่เนืองๆ
Last 2 years, I once felt something went wrong with one of my decisions, but I did not know what it was …
I went back off and detached myself from it to look carefully, yes the situation showed itself to me….
My decision was like “BANG!” I knew it right away that it was my final decision!!!!
สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นกับเราเมื่อ 2 ปีก่อนค่ะ
เราเกิดความรู้สึกกังวลลึกๆ กับการตัดสินใจของเรา แต่ ณ ขณะนั้น ก็ยังหาไม่ได้ว่ามันคืออะไร
จนเราเลือกที่จะหยุดคิดไปสักพัก..
หลังจากนั้น เราเริ่มทบทวนเรื่องราวทั้งหมดอย่างเป็นกลาง พร้อมทั้งไม่ยึดติดจากใคร หรือ สิ่งใดๆ
ค่อยๆมองจากข้างบนและเห็นภาพรวมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตัวเราเองหรือผู้อื่น
สถานการณ์ต่างๆเหมือนจะเปล่งแสงสว่างในตัวมันเอง จนทำให้เราเห็นสิ่งผิดปกติเหล่านั้น
และนั่นเป็นกลายเป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้ายหลังจากลังเลอยู่นานสองนาน
พร้อมๆกับความรู้สึกมั่นใจซึ่งต่างจากตอนแรกอย่างสิ้นเชิง!
ซึ่งความรู้สึกอย่างนี้ หมายถึงว่า จิตใต้สำนึกเราไปในทิศทางเดียวกันกับความคิดเราค่ะ
Another is your right of freedom..
Supposed, you are not depend on anyone or anything
And have 100% freedom to choose your choice.
Supposed, you do not need to worry about how others judge you.
How would it affect your decision right now?
Any changes?
Any possibilities?
อย่างที่สอง คือ สิทธิของความเป็นอิสระในตัวคุณเอง
สมมติว่า คุณไม่ต้องห่วงอะไรใดๆ ไม่ขึ้นอยู่กับใคร และไม่ให้ค่ากับสิ่งใดๆแม้กระทั่งแก้วแหวนเงินทอง
(เพื่อเป็นการขจัดความลำเอียงต่อตัวเองค่ะ
การให้ความสำคัญต่อสิ่งต่างๆนั้น อาจจะเปลี่ยนไปในแต่ละวัย ตามทัศนคติและสิ่งแวดล้อมต่างๆ
วันนึงเราเลือกสิ่งนี้ แต่พอเวลาผ่านไปและคิดย้อนกลับไปเราอาจอยากกลับไปเลือกอีกอย่างก็เป็นได้)
คุณมีสิทธิในการเลือกด้วยตัวของคุณเอง
คุณไม่กังวลว่าใครจะว่าอะไรหรือมองคุณยังไง
การตัดสินใจของคุณจะเปลี่ยนไปหรือไม่?
และถ้าเปลี่ยนไป…มันเป็นไปได้แค่ไหนที่จะทำมัน?
(ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องอาศัยจิตใจที่เข้มแข็ง อดทน หลังจากที่ได้เลือกแล้วค่ะเพราะมันอาจจะต้องผ่านหลายด่านอยู่สักหน่อย)
So now, once when you would have an idea of your value setting,
you pretend to detach from them and feel your choice with your gut and freed from worries.
สรุปรวบยอดแล้ว การตัดสินใจในรอบสุดท้าย
คือการรู้ตัวเองว่าเราให้ความสำคัญกับอะไรมากที่สุด และรองลงมาคืออะไร
พอรู้แล้วก็ตัดความกังวลทั้งปวงทิ้งไปก่อน ทำตัวเองให้เป็นกลาง ไม่ยึดถือใครหรืออะไรเป็นหลัก
และเลือกอีกหนึ่งที
หากความรู้สึกลึกๆไม่ขัดแย้งอะไรกับสิ่งที่เลือกและรู้สึกมั่นใจกับมัน
นั่นอาจหมายถึง คำตอบสุดท้ายของคุณแล้วค่ะ!
This is though, the summary in what I suggest for the decision making.
However, it is a fact of life that we shall accept the cause and effect or it is call “karma”
So, even when you do your best, be proactive and prepare yourself for the negative consequences as well.
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงคำแนะนำจากประสบการณ์ที่เราได้ผ่านมา
ซึ่งอาจไม่ได้ผลกับหลายๆคน
และไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไรก็ตาม ผลของมันย่อมมีเสมอ ไม่ว่าจะเป็นด้านบวกหรือลบ
ความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้เสมอค่ะ
ถ้าจะให้ดีแล้ว ไม่ประมาท และทำให้ดีที่สุด
ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เราเชื่อว่าคุณจะพร้อมรับมือกับมันและพอใจกับมันค่ะ
P.S.: About the value setting, you can read more in The Seven Habits for Highly Effective People by Steven Covey.
ป.ล. ในเรื่องการตีค่าหรือการให้ความสำคัญ คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในหนังสือเรื่อง 7 อุปนิสัยพัฒนาสู่ผู้มีประสิทธิผลสูง ของ สตีเวน โคว์วีย์ ค่ะ)
–The 2th–
–เดอะทูธ–