The circle of nature is what we need to accept as the principle of life.
Yet, human try to go against it with all kind of innovative technologies.
One of the big part … is to remain the bright side and get rid of dark side.
…. this is then, not different from the effort to pause the “TIME”

The nature of unsteady becomes a part of our worries with the ‘future’ tense.
Or we might stuck with the happiness in the past or specific moment just like Alice in the wonderland.
By the time we are suffer in the present and never ever enjoy the moment.

Talking about the time..
The present is hard to catch based on our feeling as we are always slower than the reality.
However, that is why the word “NOW” is  much more easier to comprehend.

A lot of questions occurs when we talk about the present.
Those probably comes from the confusion of word “being” and “thinking”

This means that we can plan and foresee what will happen in the future but we don’t live in the future.
We’re also be able to create the future by our imagination but we don’t live in our dream!
We can have a look on the past and future situation but we don’t sink ourselves in the past.

Instead of living in the world that does not existed yet,
Do you know that we could create it NOW!
We could enjoy the moment of NOW!
We could start our dreams from NOW!
Stop worrying about the future..
As if we are using the present time to “THINK” for the future too much.
We might then awake when there is no time left for us!

So, use the present time wisely and enjoy as much as possible..
Don’t waste it with the worries in the future or past tense!!!

-The 2th-

ธรรมดาของธรรมชาติมักมีขึ้นลงอยู่เสมอ
เปรียบเสมือนเป็นกฎของธรรมชาติที่ทุกๆคนต้องยอมรับ

ไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ ทุกๆอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาของมัน
ความมั่นคงที่มนุษย์แสวงหานั้น
แท้จริงแล้วมันกลับตรงข้ามกับธรรมชาติอย่างสิ้นเชิง
ความกลัว ความกังวล เกิดขึ้นทุกๆครั้งเมื่อเราพยายามต่อสู้ไม่ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ..
ไม่ต่าง…​กับการพยายามที่จะ “หยุดเวลา”
การเปลี่ยนแปลงนี่เอง ที่กลายเป็นสาเหตุที่คนเราเลือกทะยานอยากไปในอนาคตอยู่เนืองๆ
หรือ เป็นสาเหตุแห่งการจมอยู่กับอดีตอยู่ในระยะเวลาช่วงใดช่วงหนึ่ง
เราอาจมีความสุขในช่วงเวลาแห่งการฝัน ที่เหมือนเราเป็นอลิซอยู่อีกโลกหนึ่ง
ในขณะที่ความทุกข์เกิดขึ้นเป็นควันหลงหลังจากตื่นจากการฝัน กลับมาสู่ปัจจุบัน
และไม่เคยเลยที่จะมีความสุขหรือพอใจในสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

ถ้าจะให้พูดถึงเกี่ยวกับเรื่อง กาลเวลาแล้ว..​
คำว่าปัจจุบันนั้น ยากเหลือเกินที่เราคิดจะจะตามรู้ ตามวิสัยมันทัน
เพราะทุกๆครั้งที่เรารู้สึกตัว มันผ่านเราไปแล้วในเสี้ยววินาที

ที่หลายคนบอกให้อยู่ในปัจจุบัน พูดง่ายๆแล้วก็คือ
การรับรู้ สิ่งที่อยู่ตรงหน้า ได้ยินในตอนนี้ และ ทำอยู่ในตอนนี้
ซึ่งเรียกง่ายๆว่า  “มีสติ” นั่นเอง

ที่ผ่านมา มักเต็มไปด้วยการถกเถียงอยู่เสมอว่า
การอยู่ในปัจจุบันนั้น คือการคิดเฉพาะหน้า แต่ไม่ได้มองการณ์ไกลในอนาคต
นี่คือ ความเพี้ยนจากความหมายที่แท้จริง..​

เพราะคำว่า “อยู่”นั้นไม่ใช่ “ความคิด”
นั่นหมายความว่า เราสามารถนั่งวางแผนและพิจารณาสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
เราสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ จากจินตนาการในโลกแห่งอนาคตได้..​
เราสามารถมองความเป็นไปจากเหตุการณ์ทั้งอดีตและอนาคตได้…​

เฉกเช่นเดียวกัน..​

การใช้ความคิด ต่างจากคำว่า อยู่
เราใช้ความคิดทะยานไกลไปในจินตนาการ แต่เราไม่ได้อยู่ในโลกจินตนาการ
เราใช้ความคิด วกกลับไปในอดีต แต่เราผ่านการอยู่ในอดีตไปแล้ว
เรา”อยู่”ในโลกปัจจุบัน ณ ตรงนี้ ณ จุดนี้ และเราเริ่มทำได้ในตอนนี้!

หากเรามัวแต่อยู่ในอนาคตหรืออดีต
เวลาที่มีอยู่ในปัจจุบันก็จะลดทอนลงไปเรื่อยๆ
กว่าเราจะรู้ตัว เราอาจเหลือเวลาไม่พอกับสิ่งที่อยากทำก็เป็นได้

-เดอะ ทูธ-