It might be a little backward every time when I start the new subject in new month,
a consequence from what I have been through thirty (one) days.
Last month,
I confronted to the same old classic issue… ‘JOB’
They got involve with my parents’ conception, or our “Asian Culture”
Instead of blaming others, I look back to myself and asked what goes wrong?
Why do I still fight with the same issue over and over again… no matter what stage I am.
I dig my own background up and reconsidered with all factors that shaped me.
I thought of similar situation in my childhood.
Finally, I’ve figured out the cause and effect!
It is all about the method of being raised up by “incentive”
I was pushed to study hard to get good grades by pressure and then reward or punishment.
Well, the conditioning is what I had learned..
Without those condition, I acted like ‘inert gas’
I became adjustable in any situation, followed in what I was told to do…
It worked well until I unconsciously started to avoid a controversy, argument or fight for my own right.
I agreed and compromised until I lost myself and being taken advantage by others.
I felt uncomfortable when I reject people and started to be Ms.Yes!
Until one day, I knew what I wanted to do..I stopped following others but listened to myself.
There were full of disagreements that came from others with ‘long silence’ after hearing about my job.
I seek my own path and did it…. stubbornly..
However, that was obviously change and I reckoned how much I went against my past.
From left to right, from black to white… I stand at another end of my childhood..
Truly, changing my own habit is like the pain in the ass..
I need to confront with my own fear, sadness, happiness, anger,…etc by telling myself that it’s not a big deal!
Let the old habit occurred and looked at it as typical thing, come and gone as always..
Living in the chaos city is such a big challenge and always having some tests!
And yes, this same old issue is a last long test that constantly come to me..
This is what I’ve got, the solutions!
1. About my incentive personality…. stop relying on those reward or punishment…
2. Open mind.. listen and digest… not just accept and reject at front..
3. Do what I should do…
4. Keep working on my goal..
5. No judgement, like or dislike….
6. Not a big deal, let it go!
7. Do my best, no escape, and confront!
8. Enjoy and have faith in my pathway…
By the way,
As my habit was shaped since I was a baby..
This is how I restart myself from the scratch and reprogram along the nature way.
From inner to outer…..
–The 2th–
≈≈≈≈≈≈≈≈≈≈♣≈≈≈≈≈≈≈≈≈≈
ในแต่ละเดือน เหตุการณ์เกิดขึ้นแตกต่างออกไป คล้ายกับผลไม้คนละสีที่เกิดจากต้นเดียวกัน
เป็นอีกครั้ง ที่เราเลือกที่จะเล่าสิ่งที่ได้คิด ได้พบ ได้เจอ โดยย้อนเวลากลับไป หนึ่ง เดือนแทน
เพราะถ้าช่วงเวลาขาดห้วงลง คำว่าปัจจุบันคงหาที่ยืนไม่ได้ และ อนาคตก็คงจะไร้กาลเวลา
เนื่องจากภาษาไทยไม่ได้มีไวยากรณ์ที่บ่งบอกอดีต ปัจจุบัน หรือ อนาคต
เราขอเร่ิมจากคำว่า “เดือนที่แล้ว” เป็นนาฬิกาบอกเวลา…
อารมณ์ที่คุกรุ่น ถูกกระตุ้นให้ ระเบิดออกมาจากผู้ให้กำเนิดเรา…
ด้วยความ’ห่วง’ ที่ไม่ต้องไปคิดถึงว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไปจากคนที่เรียกว่า “แม่”
อากัปกิริยาที่ปรากฎในช่วงเวลาเกือบสองอาทิตย์ เราเองไม่แปลกใจและเดาได้แต่แรก…
ว่ามันเกี่ยวกับ “หน้าที่การงาน” ของเราเอง
หัวข้อเดิมๆ ที่ย้ำและย่ำไปตามกาลเวลาจากอดีตถึงปัจจุบัน
ทั้งหมดทั้งปวงนี้เป็นผลพวงมาจาก วัฒนธรรม ความเชื่อ และค่านิยม ที่คิดตาม ทำตามกันมา
ทั้งนี้ทั้งนั้น จะให้เราไปโทษแต่สิ่งแวดล้อมภายนอกอย่างเดียว คงจะลำเอียงเกินไป
เพราะสิ่งที่เกิดนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่มันเคยเกิดมาแล้วหลายครั้ง (นับไม่ถูก)
จนทำให้เราตั้งคำถามขึ้นมาว่า “ทำไม” และ เราทำอะไรผิดไป?
เป็นเวลากว่าชั่วโมงในการนั่งฟังสิ่งที่ เรียกว่า “แรงกดดัน”
คำพูดที่เหมือนคมมีด บ่งบอกความตั้งใจที่จะผลักดันผสมกับความโมโหที่พลุ่งพล่านออกมาจากบุพการี
มันเคยได้ผล! และมันได้ผลทุกๆครั้งสมัยเรายังเป็นเด็ก
แรงกระตุ้น บทลงโทษ รางวัล คำชม คำติเตียน กดดัน ฯลฯ
อาจจะเป็นวิธีที่หลายครอบครัว เอามาใช้ในการเลี้ยงลูก
เราเองก็เติบโตท่ามกลางสิ่งเหล่านี้
และก็เป็นธรรมดา คือ เมื่อพ่อแม่ได้ลงมือปลูกแล้ว ย่อมมีผลที่ตามมา
ผลระยะสั้นคือลูกเป็นไปตาม “แรงผลักดัน”
แต่พ่อแม่ส่วนใหญ่ มักจะลืมส่วนผลระยะยาวไป ซึ่งก็คือ “การผลักกลับ” (แทนที่ลูกจะถูกกดดัน กลายเป็นพ่อแม่ซะเองที่รู้สึกกดดัน)
ส่วนหนึ่งของการเลี้ยงดู กลายมาเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นกับตัวเราโดยไม่รู้ตัว
ในเมื่อเด็กมักจะรู้จักการปรับตัวให้อยู่ในสถานการณ์ได้
ทุกอย่างดูเหมือนเป็นปกติ ทั้งๆที่จริงๆแล้ว การเรียนรู้แบบแผนพวกนี้แทรกซึมเข้าไปในจิตใต้สำนึกโดยไม่รู้ตัว
ยกตัวอย่างง่ายๆ …
ถ้าการสอบได้เกรดดีๆ จะทำให้เราไม่ถูกลงโทษ และได้รับรางวัลแทน เราก็เลือกที่จะทำ
ถ้า การทำตามคำสั่ง จะไม่ทำให้เราถูกด่า ……เราก็จำยอมทำ ….
เหตุการณ์พวกนี้ เกิดวนไปวนมาเป็นสิบ เป็น ร้อย ในชีวิตประจำวัน
เรียกได้ว่า เป็นการคำนวณอัตโนมัติของสมองและจิตใจเราเอง
ผลที่ได้คือ เราอยู่ด้วยความ “กลัวถูกลงโทษ” หรือ “หวังรางวัล” อย่างไม่ตั้งใจ
และคอยที่จะคิดที่จะเป็นอิสระ อยู่ท่าเดียว
เรากลายเป็นการ ทำตาม เพื่อ เลี่ยงความขัดแย้งและเลี่ยงความไม่สบายใจ
นิสัยการเชื่อฟังแต่เด็ก …กลายเป็นการคิดอย่างไม่มีวิจารณณาณ (เชื่อคนง่าย)
แต่คนในสังคม ไม่ได้เป็นเหมือนคนในครอบครัว การว่าง่ายที่เราเคยเห็นว่าดีนั้น
มันกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายเราเอง เพราะผู้คนเห็นช่องโหว่แห่งการ “เอาเปรียบ” อยู่เนืองๆ
จนถึงวันหนึ่ง ….
การค้นพบตัวเอง ทำให้เราเลือกที่จะหยุดเดินตามกระแสนิยม และฟังตัวเราเอง
สิ่งที่เราตัดสินใจไปแต่ละอย่าง ล้วนคิดและพิจารณามาอย่างดีแล้ว
คำถามเดิมๆของญาติพี่น้อง ถูกถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า…..และอาการนิ่งเงียบหลังจากฟังคำตอบของเราก็เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นเดียวกัน
ไม่มีใครเข้าใจ!? หรือ เราตอบไม่ชัดเจน?
เราทำตามที่เราตัดสินใจเลือก!? หรือ เราดื้อจนไม่ฟังใคร!?
“ปฏิกิริยาการผลักกลับ” คือ สิ่งที่เกิดขึ้น ในเดือนที่ผ่านมา
เส้นทางที่เราเลือกเดินเอง กลายเป็นการกลับขั้วของวัยเด็ก
เหมือนกับการเปลี่ยนสีดำเป็นสีขาว กลับซ้ายเป็นขวา บนเป็นล่าง
การเปลี่ยนที่ฉับพลัน ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ยากในการรับได้ของผู้เป็นพ่อเป็นแม่
และอีกครั้งที่เราต้องปรับตัว …
ความสมดุลที่ดี คือการพิจารณาสิ่งต่างๆ ด้วยความรอบคอบ เป็นไปตามความเป็นจริง
การดื้อแพ่งทำแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการ ใช่ว่าจะส่งผลดีเสมอไป
ในทางกลับกัน การฟังเสียงห้ามปราม ฟังคำตักเตือน แล้วนำมาคิด ย่อมให้ประโยชน์มากกว่าโทษ
ในขณะที่จุดยืนยังคงมีอยู่ เมื่อรวมกับคำสอนพวกนี้แล้ว….มันจะช่วยทำให้เกิดความมั่นคง และรัดกุมขึ้น
การเปลี่ยนแปลงในตัวคนเรา เกิดขึ้นตลอด
แต่การเปลี่ยนโดยเฉพาะนิสัย ที่ได้ถูกบ่มมาเป็นเวลากว่าสิบ ยี่สิบปี
ไม่ได้ง่ายเพียงแค่ สิบนาที แต่ก็ไม่ได้ยากขนาดต้องใช้เวลาอีกสิบปี …
สิ่งที่ต้องเจอ คือ เผชิญหน้ากับความกลัวของตัวเอง(ที่ถูกฝังมาแต่เด็ก) ความเสียใจ ความโกรธ ความสุข ความหวัง …
และเราก็เลือกที่จะพูดง่ายๆกับตัวเองว่า มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร!
เหตุการณ์ปะทะอารมณ์ จางไปตามแสงอาทิตย์ และสิ่งที่ได้จากรอบนี้ คือ วิธีการเตือนตัวเอง
(วิธีแก้ปัญหา)
1. การกระทำไม่ได้ขึ้นอยู่กับ รางวัล หรือ ลงโทษอีกต่อไป
2. เปิดใจฟัง แต่ไม่จำเป็นต้องเชื่อทุกอย่าง
3.ทำในสิ่งที่ควรทำ
4.เดินไปตามเป้าหมายที่ตั้งไหว ..มีจุดยืน
5.ไม่ตัดสินอะไร ใคร…ไม่ว่าจะชอบ หรือ ไม่ชอบ
6.ทำให้เป็นเรื่องเล็ก….แล้วมันจะผ่านไป
7.ทำให้ดีที่สุด…เผชิญหน้า ไม่จำเป็นต้องไปหนีหรือสู้กับมัน
8. เชื่อมั่นในทางที่เดินอยู่..และสนุกกับสิ่งที่ทำ
อย่างไรก็ตาม
นี่ก็เป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราเปลี่ยนตัวเองจากภายในสู่ภายนอก…
ไม่ต่างกับการล้าง คอมพิวเตอร์ แล้วตั้งโปรแกรมใหม่อีกครั้งหนึ่ง
–เดอะ ทูธ–
≈≈≈≈≈≈≈≈≈≈♣≈≈≈≈≈≈≈≈≈≈