สวัสดีเดือนตุลาคม 2563
ปลายปีเข้ามาอีกครั้ง นับว่าเป็นช่วงพิเศษที่เราจะกลับเข้ามาเขียน(แล้วก็ชอบบอกว่าเดือนหน้าเจอกันพร้อมกับหายวาร์ปไปอยู่ที่อื่น)….ยังค่ะ….เรายังไม่ปิดที่แห่งนี้ ถึงแม้ว่าคนเขียนจะปล่อยร้างและขยันจ่ายเงินให้ทุกปีก็ตาม
‘ว่ากันในเรื่องโลกๆ’
คิดจะอยู่ในโลกนี้ มันก็จำเป็นที่จะต้องหาวิธีอยู่รอดให้ไม่ทุกข์กันนี่เนาะ? โดยเฉพาะในชีวิตประจำวัน ที่มักจะเจอปัญหาจากคนร้อยแปดพันเก้า ทั้งเรื่อง ความสัมพันธ์ การงาน การเงิน สุขภาพ ฯลฯ โดยปกติ วิธีรักษาตัวเองของเรา คือ การเขียนระบาย เราว่ามันเป็นการเยียวยาตัวเองที่ดีมาก เรามักจะทำมันบ่อยๆเวลามีอารมณ์เศร้าและจิตตก การเขียนมันช่วยให้เกิดการกลั่นกรองและเรียบเรียงสิ่งที่ความคิดมันพาเราไป พอมันออกมาเป็นคำเราก็จะถึงบางอ้อว่ากับสาเหตุของมันจริงๆแล้วก็แก้ที่ต้นตอได้ แต่ในหลายๆครั้ง มันใช้เวลานานมาก กว่าจะหลุดได้ก็ข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียว ด้วยเพราะความคิดของคนเรามันแล่นไปเร็วยิ่งกว่าจรวด กว่าจะแก้เสร็จก็ร้องไห้ตีโพยตีพายกันไปหลายตลบ…….เพราะฉะนั้น สิ่งที่จำเป็นคือต้องหา วิธีที่ทันการณ์กับอารมณ์ที่ผุดขึ้นมา ซึ่งเราก็อยากแชร์วิธีง่ายๆของเรา แต่ก็ต้องอาศัยการฝึกไปเรื่อยๆๆๆด้วยนา
โดยส่วนตัวแล้ว เราพบว่าวิธีที่เราใช้ได้ผลและทันการณ์ คือ การฝึกใช้ ‘คำ’ ให้เป็นประโยชน์ คำไหนที่เราได้ยินแล้วเราผ่อนคลาย จดมันไว้ทั้งข้างในใจ ทั้งข้างนอกใจ..บางทีเราขี้ลืมบ่อยๆ ก็ใช้ post it แปะเอาไว้ในห้อง…เวลาอารมณ์เริ่มทำหน้าที่ก็หันไปอ่านสักทีสองที..คำเหล่านี้ มันช่วยได้เหมือนเป็นยารักษาโรคเลยทีเดียว..แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องใช้ให้ถูกกับสถานการณ์นั้นด้วยนะคะ (เหมือนโรคน่ะแหล่ะ ต้องใช้ยาที่ถูกกับอาการ) ยกตัวอย่างง่ายๆ
เวลาทำงาน ถ้าเรากังวลและเครียดกับสิ่งที่เราทำอยู่เกินไป เราก็จะมี ประโยคที่ว่า ‘ชีวิตมันสั้น อย่าไปจริงจังกับมันมากนัก’ มาช่วยลดขนาดสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราให้เล็กลง มันก็จะกลายเป็นเรื่องเล็กๆแทนที่เราจะมองเป็นเรื่องใหญ่..พอผ่อนคลายขึ้นก็ทำสิ่งนั้นได้ดีแล้วก็โล่งมากขึ้น
ในความเป็นจริงแล้ว แต่ละคนจะมีคำหรือประโยคเหล่านี้วนเวียนอยู่ข้างในความคิดโดยอัตโนมัติ อาจเป็นสิ่งที่เคยได้รับมาจากประสบการณ์ที่แตกต่างกัน จนเรียกมันว่า ทัศนคติหรือการมองโลกที่มีความเฉพาะในตัวแต่ละบุคคล เวลาเจออะไรมันก็จะเด้งเข้ามาในหัว (อย่างรู้ตัวและไม่รู้ตัว)
ยาขนานเอกที่เรางัดเอามาใช้บ่อยๆ (ประมาณว่าคำเดียวรักษาทุกโรคแต่มีอยู่หลายคำ) เช่น คำว่า “ยุติ” เอาไว้ใช้ตอนช๊อปปิ้งมากเกินไป ถ้าไม่ยุติ จะเลยเถิดนะเออ หรือ อะไรที่เราก็กำลังหลงก็ยุติซะจะได้ไม่เหนื่อย…. “เกิดผ่าน ตายผ่าน” เวลาเรา focus เยอะๆ คำนี้ช่วยให้เราถอยกว้างออกมา แล้วก็คิดได้ว่า..เออ….มันก็แค่เปลือกกระพี้ ไปเสียเวลาทุกข์กับมันไปทำไม ..คำเหล่านี้ เรามักเอามาใช้เวลาตัวเองหลงระเริงในความสุขแบบโลกๆเกินไป ซึ่งพอเรายึดไว้แล้วสิ่งนั้นมันหายไปก็เลยทุกข์ขึ้นมา ยิ่งอินหนักเท่าไร ก็ยิ่งแย่เท่านั้น เลยต้องงัดคำพวกนี้มาใช้เตือนตัวเองให้หลุดออกมาจากวงจรความหลงของมันค่า
ช่วงนี้สถานการณ์บ้านเมืองระส่ำระส่ายไปทั่วโลก ทั้งโรคโควิด ทั้งเศรษฐกิจทรุด…การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคใหม่ ไม่ต่างกับการล้างบางยุคเก่าทิ้งซะ..ขอให้ทุกท่านปลอดภัย ไร้ทุกข์ไร้กังวลกันนะค้า
*หมายเหตุ: โพสท์นี้เราเขียน draft ไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เอาจริงๆก็มีเก็บไว้ 70 กว่าดราฟท์ (ห๊ะ!) ไหนๆจะถึงวันจ่ายค่า host แล้วก็ต้องเข้ามาสื่อสารกันบ้างงงสิเนอะ ^^