อตัมมยตา | ไม่อาศัยมันอีกต่อไป

เดือนกันยายน 2559

อะไรที่ทำให้เรามีความสุข?
คำถามที่เราเคยถามตัวเองในสมัยก่อน และแว๊บขึ้นมาในสมัยนี้บ้างตามประสา ครั้งนี้ เราเลยลองมองย้อนกลับไปดู เลยได้พบว่า ประสบการณ์และอายุช่างมีผลเสียนี่กระไร!

หากตอบด้วยวัยที่เราอยู่มัธยมปลาย ความสุขก็คงเป็น การได้ปิดเทอมและมีเวลาอยู่บ้าน ไม่ต้องเรียนพิเศษ ไม่ต้องสอบ และแน่นอน  มีเพื่อนเยอะๆ และได้ไปเที่ยว!

หากตอบด้วยวัยที่อยู่มหาวิทยาลัย คือ การได้ทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะ ถ่ายรูป ร้องเพลง เล่นดนตรี วาดรูป ไปเที่ยว อ่านหนังสือ ฯลฯ ตามพลังที่พวยพุ่งของเราในสมัยนั้นๆ

หากตอบด้วยวัยช่วงอายุ 23-26 เป็นความฝันแบบจัดเต็ม ความสุขตอนนั้นคือการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก อ่านหนังสือ ได้มีเวลาเป็นของตัวเอง ใช้ชีวิต มีงาน สนุกๆให้ทำ มีเงินไปชอปปิ้ง ไปเที่ยวเล่น  มีความฝันที่จะมีบ้านสวยๆบรรยากาศดีๆ และในตอนนั้นที่สำคัญคือ จบโทไวๆ และได้เป็น citizen ที่ออสเตรเลีย

เขยิบมาใกล้อีกเล็กน้อย เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ขณะที่เรามี อายุ 27 ปี และนับเป็นปีที่เรียกได้ว่าเป็นจุดหักเหของชีวิต ทั้งเรื่องความสับสนซึ่งมาพร้อมๆกับการค้นพบและเปลี่ยนแปลงตนเอง ณ ตอนนั้น ความสุขของเรา เกี่ยวข้องกับความอิสระล้วนๆ อิสระที่จะเป็นจะทำ อิสระจากกรอบที่เราถูกปิดตาให้เดิน อิสระจากข้อบังคับทั้งหลายในสังคม และ สุดท้ายคือ อิสระทางใจ…..และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการกลั่นกรองที่ค่อยๆขับเคลื่อนไปตามธรรมชาติของมันจนมาถึงเดือนนี้ เดือนกันยายน 2559

เดือนนี้นับเป็นอีกเดือนที่สำคัญสำหรับเราหลังจากได้สัมผัสกับคำว่า อตัมมยตา ที่อ่านมาจากหนังสือของท่านพุทธทาส แปลง่ายๆว่า ไม่ต้องอาศัยมันอีกต่อไป จะว่าไปแล้วมันก็เกี่ยวเนื่องกับอิสระทางใจด้วยเช่นกัน มันหมายถึงว่า เราไม่จำเป็นต้องพึ่งสิ่งเหล่านั้นอีกแล้ว เพราะเราไม่ได้ต้องการจะเอาอะไรและไม่ให้ค่ามันเหมือนที่ผ่านๆมา มันคือเวลาที่เราเข้าใจแล้วว่า ความสุขสงบไม่ได้อาศัยปัจจัยอะไรทั้งสิ้น

เราจึงได้คำตอบของในรอบนี้คือ อันที่จริงแล้วเพียงเราสละเงื่อนไขที่เราตั้งขึ้นมาเองในการพึ่งพาอาศัยปัจจัยต่างๆทิ้งไปตะหากล่ะ ที่จะไม่ก่อเกิดความทุกข์และกลายเป็นสุขโดยปริยาย

แต่กระนั้น….การกลั่นกรองยังคงดำเนินต่อไปด้วยเมล็ดพันธุ์ที่ยังคงหวั่นไหวต่อสิ่งเร้าภายนอกอยู่เป็นพักๆ และกลับมาที่ความว่างเปล่าเป็นห้วงๆ ซึ่งคงจะต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ตามกลไกธรรมชาติของมัน

ขอบคุณชีวิต ที่ไม่ดึงเราขึ้นสูงจนเกินไป เพราะเราคงหลงระเริงอยู่ในนั้นจนเพลินและเมื่อเราไปกองอยู่บนพื้น ก็ช่วยสอนให้เรายอมรับ และ เข้าถึงสัจธรรมที่แท้จริง

ขอบคุณครูบาอาจารย์ที่เป็นตัวอย่างนำพาให้เราอยู่ท่ามกลางชีวิตได้อย่างมีความสุข

ขอบคุณโชคชะตา ที่พาครอบครัวพร้อมทั้งกัลยาณมิตรมาให้เราได้พูดคุยและร่วมเดินทางได้อย่างรื่นรมย์

และ ขอบคุณ จักรวาล + ธรรมชาติ ที่จัดสรรให้เราใช้ชีวิตตามจังหวะได้อย่างสวยงาม และ ลงตัว

Cheers,

โอลีฟแอนด์เดอะฑูต
Olive & The 2th

Advertisement

Share your thoughts with us!

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s