ช่วงนี้มีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสมดุลชีวิตอยู่มากพอควร
จึงอยากจะยกเอาหัวข้อนี้มาพูดกันบ้าง
คำว่า “สมดุล” ในที่นี้ เราอยากจะใช้ความหมายเดียวกับ “ทางสายกลาง”
ซึ่งเรียกได้ว่า “มันไม่มากไม่น้อยเกินไป”
คำว่า สายกลางนี่ ใช้ได้กับทุกๆอย่าง
ตั้งแต่ ชีวิตประจำวัน, การทำงาน, ความรัก,ยาวจนไปถึง ความสุข
คำถามเกิดขึ้นคือ …ทำไมคนเราไม่สามารถดำเนินชีวิตอยู่บนทางสายกลางได้?
คำตอบสั้นๆง่ายๆก็คือ “ความหลง”
หากจะยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คล้ายๆเวลาเราติดละครหรือหนังสักเรื่อง
ความกระหายใคร่รู้เป็นตัวดำเนินการให้เราหลงดูต่อๆไปเรื่อยๆจนแม้ร่างกายจะง่วงก็ยังฝืน
…หากเปรียบในเชิงการงานแล้ว …ก็คล้ายๆกับอยากทำให้งานชิ้นนั้นๆเสร็จเร็วๆ
จนเป็นการเร่งและแทรกแซงกระบวนการทำงานของร่างกายไปอย่างไม่รู้ตัว
…รึว่าจะเป็น การหลงตามใจตนเองมากเกินไป…ในการตอบสนอง ตา หู จมูก ลิ้น สัมผัส ทางกาย ใจ..
หลงคิดว่า นั่นคือความสุขอย่างแท้จริง
การเสียสมดุลให้กับสิ่งต่างๆอาจมองได้ว่า เรากำลังทำอะไรบางอย่างที่มากเกินไป
จนการดูแลฐานทัพของเรา ซึ่งก็คือร่างกาย มันถูกละเลยและน้อยลงไปทุกที
และเมื่อเป็นอย่างนั้น ร่างกายพยายามส่งสัญญาณบอกเป็นระยะๆว่าให้กลับมาดูแลโดย
ใช้การเจ็บป่วยเป็นเครื่องมือ…แต่ถ้าการเจ็บป่วยแรกเริ่มยังไม่ได้ผล…
ก็จะส่งกระแสทางด้านอารมณ์และจิตใจที่สับสนวุ่นวายออกมาเป็นระยะที่ 2 ….
สุดท้าย หากเรายังฝืนดื้อดึงต่อ….ร่างกายอาจจะใช้วิธีน๊อคเอาท์ ดับเครื่องเราง่ายๆเลยทีเดียว
ซึ่งมันก็เกิดขึ้นกับเราจริงๆเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาในตอนเช้าหลังตื่นนอน
อาการไม่มีแรงแม้แต่จะเปิดก๊อก (ดันขึ้นลง) จนต้องลากตัวเองกลับมานอนบนเตียงให้ได้
ทำให้สัมผัสกับพลังงานที่เกลี้ยงหมดตัวอย่างสนิทใจ
ทางสายกลางที่สามารถเข้าใจได้ มันคือ ความพอเพียงสำหรับ ธาตุหนักอย่างร่างกาย หรือ ธาตุเบาของจิตใจ
เปรียบได้กับอาหารที่เพียงพอสำหรับหิว,การนอนหลับสำหรับ ร่างกาย,หรือ การไม่มีห่วงกังวลของจิตใจ
และทางสายกลางที่แท้จริงนั้น ก็คือ การอยู่ท่ามกลางสิ่งต่างๆได้อย่างสบายๆ โดยไม่หลงใหล หรือ ไม่หลงต้านกับสิ่งที่ผ่านมาและผ่านไป
-The 2th-